วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550 ทุกคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ต้องรู้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)

มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔

มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร

หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้

มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น

มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท

มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง

มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

^^__คณะการบัญชีและการจัดการ__^^

1.สาขาวิชาการบัญชี

2.สาขาวิชาการจัดการ

3.สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

4.สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ

5.สาขาวิชาการจัดการการทรัพยากรมนุษย์

6.สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ

7.สาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ

8.สาขาวิชาการตลาด

9.สาขาวิชาการบริหารการเงิน

10.สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ

11.สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ


และข้อมูลทั่วไปของคณะคือ

สามารถ Download ข้อมูลคณะการบัญชีและการจัดได้เลยค่ะ



ฟังเพลง ต่อจากคำว่ารัก
Powered by you2play.com

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แผนที่ผ่านดาวเทียมจังหวัดเชียงใหม่


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วิธีป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009

วิธีป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009





ติดตามข่าวการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือที่เดิมเรียกกันว่าไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก แล้วต้องบอกว่า อย่าตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ควรประมาทนะครับ วันนี้มาเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากเจ้าไวรัสวายร้ายตัวนี้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงครับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ติดต่อได้เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ในคนโดยทั่วไป คือเชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และแพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอหรือจาม การรับประทานอาหารร่วมช้อนและภาชนะ หรือติดจากการสัมผัสมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา วิธีหนึ่งซึ่งจะช่วยป้องกันทั้งการแพร่เชื้อและการติดเชื้อได้ก็คือ การใช้หน้ากากอนามัย และการล้างมือบ่อยๆ

หน้ากากอนามัย
การไอ จามแต่ละครั้งจะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายออกไปได้ไกลถึง 3 ฟุต และมีชีวิตลอยปะปนอยู่ในอากาศ ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมีโอกาสได้รับเชื้อ จากงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกพบว่า การใส่หน้ากากอนามัยสามารถลดการแพร่กระจายของอณูเล็กๆ ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนได้ถึงร้อยละ 80 ควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องออกไปในที่ชุมชนหรือต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในที่สาธารณะ เช่น ห้องเรียน ห้องทำงาน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงแรม โรงพยาบาล รถโดยสาร เครื่องบิน โดยเฉพาะในห้องปรับอากาศ ฯลฯ แต่ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่คนเดียวหน้ากากอนามัยที่เหมาะจะใช้สำหรับการป้องกันเชื้อไวรัส ได้แก่ หน้ากากอนามัยชนิด N95 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคได้ถึง 0.3 ไมครอน หรือ surgical mask ซึ่งราคาจะถูกลงมา สามารถกรองอนุภาคได้ 5 ไมครอน ยกตัวอย่างขนาดของไวรัสโรค SARS จะเป็นอนุภาคเล็กที่มีขนาด 5 ไมครอน อย่างไรก็ตาม อาจพบปัญหาจากการใช้หน้ากากอนามัยชนิด N95 ได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอด และทางเดินหายใจ และหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากลมหายใจจะผ่านเข้าออกได้ยากขึ้นเนื่องจากแรงต้านภายใน นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยชนิด N ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ หากนำมาให้เด็กใช้ ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ


23 วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่+หวัด2009

นิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ สรรสาระ ( Reader's Digest ) ฉบับกรกฎาคม 2552 ตีพิมพ์เรื่อง "23 วิธีห่างไกลไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

(1). ล้างมือวันละ 5 ครั้ง
ศูนย์วิจัยสุขภาพ กองทัพสหรัฐฯ ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 40,000 คนพบว่า คนเหล่านี้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจลดลง 45% ประเด็นสำคัญ คือ ล้างมือด้วยสบู่ให้ถูกวิธี ล้างก๊อก และไม่สัมผัสลูกบิดประตูหลังล้างมือ โดยการออกแบบห้องน้ำเป็นแบบ "ซิกแซก" บังตาแทนการใช้ประตู (วิธีนี้ช่วยลดปัญหาการเสพยาเสพติดในห้องน้ำได้ด้วย)


(2). ล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ
คนส่วนใหญ่ไม่ได้ล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ...ห้องน้ำส่วนใหญ่ไม่มีสบู่ให้ใช้ วิธีที่ดีคือ ซื้อสบู่ก้อนเล็กแบบโรงแรม มีขายเป็นกล่องๆ ละ 100 ก้อนในห้างสรรพสินค้า พกติดตัวไปวันละ 2-3 ก้อน (ราคาก้อนละ 1-2 บาทเศษ), พกสบู่เหลวติดตัวเสมอ ควรใช้กระดาษทิชชูจับลูกบิดประตูแล้วทิ้งไปแทนการใช้มือจับ เพราะจะทำให้ได้รับเชื้อโรคใหม่ผ่านลูกบิดประตู


(3). ล้างมือ 2 รอบ
การล้างมือ 2 รอบสะอาดกว่ารอบเดียว ทว่า... อย่าลืมล้างก๊อก และปิดน้ำระหว่างการล้างมือ ซึ่งควรใช้เวลารวมประมาณเท่าเพลง "ช้างๆๆ" ของไทย


(4). ฉีดวัคซีน
กลุ่มเสี่ยงป่วยหนักเมื่อมีไข้หวัดใหญ่ระบาดได้แก่ คนในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล คนไข้โรคเรื้อรัง เช่น ถุงลมโป่งพอง หอบหืด เบาหวาน ไตวาย โรคหัวใจ คนท้อง อายุเกิน 65 ปี ฯลฯ ควรปรึกษาหมอใกล้บ้านเรื่องวัคซีน วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปป้องกันไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก, หวัด 2009, หรือไข้หวัดหมู (โรคเดียวกัน แต่มีหลายชื่อ) ไม่ได้, ช่วงเดือนกรกฎาคม 2552 ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาวัคซีนใหม่อยู่


(5). พกเจลแอลกอฮอล์
โรคกลุ่มนี้ติดต่อทางการไอ-จาม (ในระยะประมาณ 2+ เมตร ในที่คนแออัด อากาศระบายไม่ดี หรือห้องแอร์ทั้งห้อง) ถ้าอยู่นอกห้องแอร์จะปลอดภัยมากกว่าฝรั่งซึ่งชอบทักทายกันด้วยการกอดหรือจูบกันจะเสี่ยงติดโรคได้ง่าย ไหว้กัน-ทักทาย-ยิ้มให้กันแบบคนไทยดีแล้ว การพกเจลแอลกอฮอล์เตรียมไว้ถูมือก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ หลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสของที่คนใช้กันมากๆ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า รถไฟ ฯลฯ ช่วยได้มาก การศึกษาในโรงเรียนประถมฯ ที่มีการใช้เจลแอลกอฮอล์พบว่า การทำความสะอาดมือแบบนี้ลดวันลาป่วยได้เกือบ 20%


(6). ดูแลแปรงสีฟัน
อาจารย์หมอฟันแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบานออก หรือใช้ครบ 2-3 เดือน หลังเป็นหวัด ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่... ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ หรือทำความสะอาดแปรงด้วยการขัดถูด้วยฟองน้ำล้างจาน สะบัดให้แห้งหมาดๆ นำออกไปตากแดด หรือใส่ในน้ำร้อนจัด สะบัดให้แห้งหมาดๆ แล้วนำออกไปผึ่งลม ถึงไม่ป่วยอะไร... การนำแปรงสีฟันออกไปตากแดด ผึ่งลม หรือใส่ในถ้วยกาแฟ เติมน้ำ อุ่นให้ร้อนจัดในไมโครเวฟสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็ช่วยให้แปรงสะอาดขึ้นได้มาก


(7). เตรียมกระดาษทิชชู
เตรียมกระดาษทิชชูไว้ทุกห้องทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เพื่อให้ทุกคนใช้ปิดปากเวลาไอหรือจาม


(. ไม่ติเตียนตัวเอง
คนที่ชอบติเตียนตัวเอง ไม่ให้อภัย ไม่ยกโทษให้ตัวเองมักจะมีความเครียดสูง ภูมิต้านทานต่ำลง ติดโรคกลุ่มหวัดได้ง่ายวิธีที่ดีคือ ไม่ว่าจะเครียดอะไร... ให้วางมือซ้ายบนหน้าอก วางมือขวาบนหน้าท้อง หายใจเข้าช้าๆ-ให้ท้องป่องออกเล็กน้อย คิดในใจว่า "ขอให้เรามีความสุข", หายใจออกช้าๆ-ให้ท้องแฟบลงเล็กน้อย คิดในใจว่า "ขอให้เราพ้นทุกข์" 5-10 นาที/ครั้งบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 รอบ เวลาคิดให้ตัวเรามีสุข... ขอให้เป็นความสุขที่ได้มาโดยชอบธรรม เช่น ไม่ไปคดโกง หรือเอาเปรียบใคร ฯลฯ เวลาคิดให้ตัวเราพ้นทุกข์... ขอให้พ้นความทุกข์อะไรก็ได้ที่เรากำลังทุกข์อยู่มากที่สุด เช่น พบคนใจร้าย ฯลฯ แล้วอย่าลืมให้อภัยตัวเอง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกวัน วิธีลดความรู้สึกผิดอย่างหนึ่ง คือ ฝึกตัวให้เป็นคนกล้ากล่าวคำ "ขอโทษ" บ่อยๆ อย่างน้อยวันละครั้ง แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร
คนที่ขอโทษเป็นมีแนวโน้มจะเป็นคนกล้าหาญ และเคารพตัวเองมากกว่าคนที่ขอโทษไม่เป็น การฝึกขอโทษจะสร้างมิตรภาพ และลดศัตรูให้น้อยลงได้

เรื่องสำคัญคือ ขอโทษคนอื่นอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเราติเตียนตัวเองมากๆ ก็ต้องหัดขอโทษตัวเองให้เป็น ฝึกกล่าวขอโทษตัวเองเป็นคำพูดออกมาให้ได้ และกล่าวยกโทษให้ตัวเองให้ได้เช่นกันถ้าเรารู้สึกหงุดหงิด โกรธ หรือคับแค้นใจ และคนทั้งโลกขอโทษเรา หรือให้อภัยเราไม่ได้... เรานั่นแหละจะต้องขอโทษตัวเอง และให้อภัยตัวเองให้ได้ เพื่อให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้นตั้งแต่วันนี้


(9). ถูใบหน้า-ตา-จมูก-ปากด้านหลังมือ
คนเราสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปากวันละ 20-50 ครั้ง ฝ่ามือมักจะมีเชื้อโรคมากกว่าหลังมือเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้หลังมือคนอื่น (สำนวนไทย = ตบหน้า) แต่มอบหลังมือให้ใบหน้าเราเบาๆ แทนฝ่ามือ (ลูบเบาๆ อย่าทำร้ายตัวเอง)


(10). ดูแลความชื้น
การอยู่ในที่อากาศแห้งมากๆ ซึ่งพบได้ในห้องแอร์ที่ปรับอุณหภูมิเย็นมากเกินไป หรือร่างกายสูญเสียความชื้นมากจากการเปิดพัดลมพุ่งใส่ผิวหนังโดยตรง ทำให้น้ำระเหยจากผิวหนังมากขึ้น อาจทำให้ทางเดินหายใจคนเราระคายเคืองได้ง่าย วิธีที่ดีคือ ไม่ปรับแอร์ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ไม่เปิดพัดลม หรือปรับทิศทางลมแอร์ให้พุ่งกระทบตัวเราโดยตรง ถ้าจมูกแห้งหรือเป็นภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ฯลฯ บ่อย... ควรศึกษาวิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งทำเองได้ที่บ้านอากาศแห้งทำให้ละอองฝอยจากการไอหรือจามลอยอยู่ในอากาศได้นาน (อาจเป็นผลจากการเกิดประจุไฟฟ้าได้ง่าย) การหลีกเลี่ยงห้องแอร์ในช่วงมีโรคระบาดเป็นมาตรการที่ช่วยให้พวกเราปลอดภัยได้


(11). ซื้อเครื่องวัดความชื้น
ความชื้นในอากาศที่ต่ำกว่า 40% ทำให้ละอองฝอยจากการไอหรือจามลอยในอากาศได้นาน ตรงกันข้ามความชื้นสูงกว่า 60% จะทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่าย การไม่ตั้งแอร์เย็นเกิน หรือใช้เครื่องปรับความชื้นอาจช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ ถ้าใช้.. ต้องเปลี่ยนน้ำทุกๆ 2 วัน เพื่อป้องกันเชื้อโรคโตในน้ำ และอย่าลืมทำความสะอาดไส้กรองแอร์เป็นประจำด้วย (ดีที่สุด คือ ทุก 2 สัปดาห์)


(12). อบซาวน่า
การศึกษาในออสเตรเลียพบว่า การอบซาวน่าสัปดาห์ละครั้งช่วยลดติดหวัดได้ครึ่งหนึ่ง ข้อควรระวังคือ การเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่มากๆ เพิ่มเสี่ยงติดเชื้อได้เช่นกัน


(13). กินกระเทียม
การศึกษาทำในฤดูหนาว 12 สัปดาห์พบว่า คนที่กินกระเทียมป่วยน้อยกว่า และหายเร็วกว่าด้วย


(14). ฝึกสมาธิ
ความเครียดสูงเพิ่มเสี่ยงติดโรคกลุ่มหวัด 2 เท่า... การฝึกสมาธิ มวยจีน โยคะ ไทเกก-ไทชิ รำกระบองชีวจิตอาจช่วยลดความเครียด และเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้


(15). ออกกำลัง
การศึกษาในผู้หญิงสูงอายุพบว่า คนที่ออกแรง-ออกกำลังหนักปานกลาง 45 นาที, 5 ครั้ง/สัปดาห์, 1 ปี เป็นไข้หวัดน้อยกว่าคนไม่ออกกำลัง 3 เท่า


(16). กินโยเกิร์ต
โยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำ-น้ำตาลต่ำช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้ดีขึ้นได้ คนที่กินโยเกิร์ตวันละถ้วยเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่กิน


(17). แง้มหน้าต่าง
การแง้มหน้าต่างหรือติดพัดลมดูดอากาศช่วยลดฝุ่นละออง เชื้อรา และกลิ่นสารเคมี รวมทั้งสารก่อมะเร็งในบ้านให้น้อยลงได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น แง้มหน้าต่างแล้ว อย่าลืมระวังโจรหรือขโมยด้วยจึงจะดี


(18). เลือกสถานที่เลี้ยงเด็ก
ขณะที่ผู้ใหญ่ป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ย 2 ครั้ง/ปี... เด็กๆ จะป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ยเกือบ 10 ครั้ง/ปี วิธีลดโอกาสติดโรคกลุ่มหวัดทั้งคุณแม่คุณพ่อ และคุณลูก คือ ให้เลือกสถานที่เลี้ยงเด็กที่มีเด็กไม่เกิน 6 คน... ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ต้องตกใจ ให้ใช้ยา "ทำใจ" ไปพลางก่อนได้


(19). ล้างซอกเล็บ
ล้างซอกเล็บก่อนนอน และฝึกล้างมือ-ล้างเท้าก่อนนอนเป็นประจำ เพื่อให้นอนหลับสบาย วิธีล้างซอกเล็บไม่ยาก คือ ล้างมือ-ล้างเท้าก่อน หลังจากนั้นให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนที่ใช้แล้วกับสบู่เหลว แปรงเบาๆ ที่ซอกเล็บเบาๆ (เรื่องชีวิตนี่... ไม่ต้องทำอะไรรุนแรง)


(20). ใช้แขนปิดปากเวลาไอหรือจาม
อย่าใช้มือปิดปาก-จมูกเวลาไอ-จาม เนื่องจากจะเสี่ยงติดโรคกลุ่มหวัดชนิดใหม่ ทำให้ป่วยนาน หรืออาการหนักขึ้น ให้ใช้ท่อนแขนปิดปาก-จมูกแทน หรือถ้ามีกระดาษทิชชู ให้ใช้ทิชชูปิด เนื่องจากฝ่ามือมีเชื้อโรคมากกว่าท่อนแขน


(21). เมื่อเริ่มป่วย ให้ทำอย่างนี้
ดื่มน้ำ เครื่องดื่ม หรือกินซุปอุ่นๆ บ่อยๆ ให้ร่างกายได้รับน้ำมากพอ สังเกตสีน้ำปัสสาวะควรมีสีเหลืองจางมากๆ หรือเกือบใสไม่มีสี และปัสสาวะทุก 2 ชั่วโมงตอนกลางวัน ถ้าปัสสาวะห่างกว่านั้นบ่งชี้ว่า อาจจะดื่มน้ำไม่พอ กระเทียม ซุป เอไคเนเชีย (สมุนไพรฝรั่ง), หรือลูกอมที่มีสังกะสี (ซิงค์ กลูโคเนต) อาจช่วยให้หายเร็วขึ้นอย่านอนทั้งวันโดยไม่ลุกไปไหน เลือดลมจะเดินได้ไม่ดี ให้ลุกขึ้นนั่ง-ยืน-เดินบ้างอย่างน้อยทุกๆ 2-3 ชั่วโมงตอนกลางวัน เพื่อป้องกันโรคแทรก เช่น ไซนัส (โพรงรอบจมูก) อักเสบ ฯลฯ การหนุนหัวเตียง (ขาเตียง) ให้สูงกว่าด้านปลายเตียงเล็กน้อย อาจช่วยลดการบวมของเยื่อบุในจมูกได้ ทำให้หายใจโล่งขึ้น คัดจมูกน้อยลง เสี่ยงไซนัสอักเสบหรือหูชั้นกลางอักเสบน้อยลง ฯลฯ ได้ในคนไข้บางคน


(22). อย่าบังคับหมอ
คนไข้ส่วนหนึ่งชอบบังคับ กดดันหมอให้จ่ายยาปฏิชีวนะ (antibiotic) โดยเฉพาะคนในโรงพยาบาลหลายคน ซึ่งชอบใช้ "ใบสั่งแพทย์" เช่น เขียนชื่อยาหรือบอกชื่อยาให้หมอเขียนตาม ฯลฯ คนไข้จำนวนมากคิดว่า ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโรคกลุ่มหวัด (ไวรัส) ได้ ความจริง คือ นอกจากจะฆ่าไวรัสไม่ได้แล้ว ยังทำให้หมอเครียด ภูมิต้านทานโรคของหมอลดลง เพราะต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ การใช้ยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสนั้น จำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เนื่องจากยากลุ่มนี้มีอาการข้างเคียงสูง หมอจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักว่า ผลดีมากกว่าผลเสียจึงจะให้


(23). ซักหรือเปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุกวัน
ผ้าเช็ดมือในบ้านหรือที่ทำงานเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคสำคัญ... ทางที่ดีคือ พกพากระดาษทิชชู ใช้แล้วทิ้ง หรือเปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุกวัน

อาหารเหนือ



เครื่องปรุง

ไก่ (เอาแต่เนื้อ) 1 ตัว
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ผักตำลึง 2 ถ้วย
ยอดมะพร้าวอ่อนซอย 1 ถ้วย
ผักเผ็ด 1 ถ้วย
ชะอม 1/2 ถ้วย
ถั่วพู 1/2 ถ้วย
ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วย
มะเขือพวง 1/2 ถ้วย
มะเขือกรอบ 1/2 ถ้วย
ใบชะพลู (หั่นหยาบ) 1/2 ถ้วย
ผักชีฝรั่ง (หั่นหยาบ) 1/2 ถ้วย
ผักขี้หูด 1/2 ถ้วย
เห็ดลม (หั่นหยาบ) 1/4 ถ้วย
น้ำซุป

วิธีทำ

1 โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
2 เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้น 1x1 นิ้ว
3 กะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพอร้อนใส่เครื่องแกง ผัดให้หอม
4 ใส่ไก่ลงไปผัดจนไก่นุ่ม ใส่น้ำซุป
5 ใส่ผัก พอสุกยกลง ถ้าอ่อนเค็มเติมเกลือ เครื่องแกง
พริกแห้ง 7 เม็ด
ข่า หั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 6 หัว
กระเทียม 2 หัว
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี (ซอยละเอียด) 1 ช้อนชา
ปลาร้าสับ (ปลาช่อนไม่เอาก้าง) 2 ช้อนโต๊ะ




เครื่องปรุง

แกงเผ็ด 2 ถ้วย
แกงฮังเล 2 ถ้วย
แหนมหม้อ ยีให้กระจาย 2 ถ้วย
หน่อไม้ดองต้ม 2 ถ้วย
แคมหมู ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ถ้วย
วุ้นเส้นตัดสั้น 2 ถ้วย
ใบมะกรูดฉีก 1/2 ถ้วย
ตำลึง 2 ถ้วย
ตะไคร้หั่นฝอย 1 ถ้วย
พริกขี้หนูสด 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

1 กะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพอร้อน
2 ใส่กระเทียมสับเจียวให้หอม
3 ใส่เครื่องทั้งหมดลงผัดจนน้ำมันแห้ง
4 ใส่วุ้นเส้น
5 ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา ตามชอบ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปฏิทินของFoN

แนะนำตัว

ชื่อ นางสาวญาณิตศา แก่นจันทร์

ชื่อเล่น ปลายฝน

รหัสนิสิต 51010918698

คณะการบัญชีและการจัดการ สาขาบัญชี

E-mail payfon_99@hotmail.com

yaniza.fon@gmail.com

yaniza-pay.hi5.com